เราทราบกันดีว่าประกันที่ให้ความคุ้มครองกับเราสูงสุดทั้งคนและรถคือ ประกันชั้น 1 แต่ถึงอย่างนั้นหลายคนก็ยังสงสัยว่าทำไมประกันชั้นที่ 3 ซึ่งราคาประกันภัยรถยนต์ชั้นที่ 3 ก็ต่างกับชั้นที่ 1 ลิบลิ่ว ยังคงมีอยู่และเป็นที่นิยมในหมู่รถยนต์บางชนิดเสียด้วย ทั้งนี้เพราะประกันรถยนต์ชั้นที่ 3 มีความสมเหตุสมผลกับรถใช้งานอย่างเช่น รถกระบะ หรือ รถบรรทุก ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดีเลยล่ะ
รถกระบะและรถบรรทุก เป็นรถยนต์ที่นิยมใช้เพื่อการพานิชมากที่สุด ทำให้รถเหล่านี้ถูกใช้งานอย่างหนัก คุ้มค่า เต็มกำลัง จึงมักจะไม่ได้สนใจร่องรอยการขูดขีด การกระแทก หรือชิ้นส่วนเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่สำคัญแตกบิ่นไป ยกตัวอย่างให้ชัดเจน หากเราต้องการขนส่งสินค้าในทางขรุขระหรือเต็มไปด้วยกิ่งไม้ ปรากฏว่าระหว่างทางมีกิ่งไม้ข่วนสีกระบะเป็นแผล หรือ ท่อนไม้กระแทกตัวเฟรมรถทำให้มีรอยบุบบู้บี้
หากเกิดกรณีนี้แล้วเจ้าของรถยนต์นำรถไปเคลมด้วยการซ่อมสีหรือตัวถังใหม่ หมายความว่าระหว่างที่รถยนต์คันนั้นไปซ่อมเพียงสี เขาก็จะพลาดโอกาสที่จะได้รับงานที่สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจไป เจ้าของรถในเชิงพานิชส่วนใหญ่จึงไม่นิยมนำรถไปเคลมรายละเอียดเล็กน้อย นั่นทำให้ประภัยรถยนต์ราคาแพงไม่จำเป็น เนื่องจากพวกเขาไม่ได้ใช้การคุ้มครองเล็กน้อยนี้
ดังนั้นการคุ้มครองแบบที่เขาต้องการคือสิ่งที่ไม่อาจควบคุมได้ นั่นคือ อุบัติเหตุที่ทำให้รถยนต์คันอื่นๆ เสียหาย และเนื่องจากว่า ประกันรถยนต์ชั้น 3 คุ้มครอง 2 อย่างเท่านั้น คือ 1)ค่าใช้จ่ายความเสียหายในทรัพย์สินของคู่กรณี 2) ค่าใช้จ่ายค่ารักษาพยาบาลต่อร่างกายของคู่กรณี การคุ้มครองเพียงสองอย่างนี้ทำให้ค่าประกันชั้น 3 ถูกกว่าชั้น 1 หลายพันบาทเลยล่ะครับ
ราคาประกันภัยรถยนต์ชั้น 3 สำหรับรถกระบะ 4 ล้อ ที่ใช้งานส่วนบุคคลคาดว่าน่าจะอยู่ที่ราวๆ 2,xxx – 4,xxx บาท ขณะที่ราคาประกันภัยรถยนต์ชั้น 3 สำหรับรถบรรทุกน้ำหนักรวมมากกว่า 4 – 12 ตันอยู่ที่ราวๆ 8,xxx – 1x,xxx บาท และ สำหรับรถบรรทุกน้ำหนักรวมเกิน 12 ตัน ค่าประกันอาจสูงถึง 12,xxx – 14,xxx บาทเลยทีเดียว
จะเห็นว่าราคาประกันภัยรถยนต์ชั้น 3 สำหรับรถบรรทุกนั้นสูงมากเมื่อเทียบกับรถยนต์ส่วนตัว ทำให้เหตุผลในการเคลมแต่ละครั้งจะต้องถูกพิจารณาดังที่ได้บอกไว้ข้างต้นนั่นเอง
สำหรับในบทความหน้าจะเป็นเรื่องของประกันชั้น 1 เนื่องจากมีคนถามเข้ามากันมาก ว่า ประกันรถยนต์ชั้น 1 คุ้มครองอะไรบ้าง ทำกับที่ไหนดี หากใครสนใจช่วยติดตามกันด้วยนะคะ